สายการบินวัน ทู โก ประกาศหยุดบินชั่วคราว ระบุสาเหตุเนื่องจากแบกรับค่าน้ำมันแพงไม่ไหว ทั้งที่ขึ้นค่าธรรมเนียมน้ำมันไปแล้วเมื่อ 5 ก.ค.จาก 750 เป็น 850 บาท ขั้นต้นเตรียมคืนค่าโดยสารให้ผู้ที่จองล่วงหน้า
       
       หลังจากที่มีข่าวลือมาเป็นระยะว่า สายการบินต้นทุนต่ำแห่งแรกของไทยอย่าง สายการบิน "วัน ทู โก" จะเตรียมประกาศหยุดบินชั่วคราวในช่วงเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา นายอุดม ตันติประสงค์ชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โอเรียนท์ ไทย แอร์ไลน์ จำกัด (โอเรียนท์แอร์-วันทูโก)ได้ออกมาเปิดเผยว่า
       
       เนื่องจากราคาน้ำมันวิกฤตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา ส่งผลกระทบกับสายการบินทั่วโลก ซึ่งจะเห็นเป็นข่าวเกี่ยวกับการปรับลดเที่ยวบินของสายการบินชั้นนำ พร้อมทั้งยังเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษต่างๆ เช่น ค่าสัมภาระกระเป๋าเดินทางที่นำขึ้นเครื่องแต่ละชิ้น และมาตรการอื่นๆ ที่จะหารายได้กับผู้โดยสาร แทนการปรับราคาค่าโดยสารให้สอดคล้องกับความเป็นจริง อันเป็นผลมาจากการแข่งขันอย่างรุนแรง และการขยายตัวของธุรกิจสายการบินโลว์คอสต์ หรือสายการบินต้นทุนต่ำ
       
       “สายการบินวัน ทู โก ได้รับผลกระทบจากภาวะการแข่งขันที่สายการบินคู่แข่งอื่นๆ ยังคงใช้กลยุทธ์ด้านราคาและค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่มุ่งเอาเปรียบกับผู้ใช้บริการ แทนที่จะปรับราคาค่าโดยสารที่เป็นจริงตามกลไกตลาด รวมถึงวิกฤตเศรษฐกิจจากผลกระทบราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสภาวะการเมืองในประเทศที่มีแต่ความขัดแย้ง แต่สายการบินวัน ทู โก ได้ยืนหยัดที่จะใช้นโยบายการตั้งราคาค่าโดยสารที่ไม่เอาเปรียบผู้โดยสาร ซึ่งเป็นที่ประจักษ์ต่อผู้ใช้บริการหลายล้านคน ตั้งแต่วัน ทู โก ได้เปิดให้บริการเป็นสายการบินราคาประหยัดรายแรกของประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 3 ธ.ค.2546”นายอุดมกล่าว
       
       นายอุดมยังให้เหตุผลต่อไปว่า เพราะเหตุนี้ คณะผู้บริหารสายการบินวัน ทู โก จึงจำต้องพิจารณาวางแผนธุรกิจอย่างรอบคอบ โดยยึดถือความสำคัญของผู้ใช้บริการอันถือเป็นผู้มีอุปการคุณของสายการบินนี้ จึงจำเป็นที่จะต้องแจ้งหยุดการให้บริการชั่วคราว ระหว่างวันที่ 22 ก.ค.ถึงวันที่ 15 ก.ย.นี้ เพื่อให้บริษัทมีความสามารถที่จะจัดระบบด้านการเงิน ให้พอเพียงที่จะดูแลรับผิดชอบต่อผู้โดยสารที่ใช้บริการของสายการบิน แทนที่จะใช้กลไกด้วยระบบการขายตั๋วล่วงหน้า เพื่อใช้เงินค่าโดยสารที่ผู้โดยสารได้จ่ายไปก่อนแล้วไปในทางที่ควบคุมไม่ได้ และกระทบต่อสถานการณ์การเงินของบริษัท
       
       โดยในระหว่างที่บริษัทขอหยุดให้บริการชั่วคราวนี้ บริษัทจะใช้ทรัพยากรที่ดีของบริษัท ในการปรับโครงสร้างบริษัท เพื่อให้สายการบินวัน ทู โก เป็นสายการบินที่มีมาตรฐานการบริการเทียบเท่าสายการบินชั้นนำ และอาจจะมีความจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงรูปแบบการให้บริการ เพื่อให้มีความแตกต่างจากสายการบินต้นทุนต่ำอื่นๆ
       
       สำหรับลูกค้าที่จองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้าไว้แล้ว ทางบริษัทจะคืนเงินให้ทั้งหมด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกค้าที่ซื้อเป็นกรุ๊ปทัวร์ผ่านตัวแทนต่างๆ ส่วนลูกค้าที่โทร.จองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้า แต่ยังไม่ได้โอนเงินมีการทยอยแจ้งให้ทราบแล้ว
       
       อนึ่ง วันนี้ (21กรกฏาคม)  
       

นายชัยศักดิ์ อังสุวรรณ อธิบดีกรมขนส่งทางอากาศ (ขอ.) ได้เปิดแถลงข่าวผลการตรวจสอบด้านเทคนิค กรณีการพักการใช้ใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศ (เอโอซี) ของสายการบินโอเรียนไทยและวัน-ทู-โก เพื่อให้สาธารณชนได้รับทราบข้อเท็จจริง โดยสั่งให้สายการบิน วัน-ทู-โก หยุดบินเป็นเวลา 1 เดือน ในเส้นทางในประเทศทั้งหมด เนื่องจากผลกระทบด้านอุบัติเหตุ โดยมีผลตั้งแต่วันพรุ่งนี้ เป็นต้นไป
                
       นอกจากนี้ เครื่องบินเอ็มดี 80 ซีรี่ส์ ยังไม่มีระบบควบคุมคุณภาพ มีการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการเดินอากาศ ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่การเดินอากาศได้ รวมทั้งปล่อยปละละเลยให้มีการกระทำความผิดยื่นผลการตรวจสอบความเชี่ยวชาญนักบินในฝูงบินแบบเอ็มดี 80 ซีรี่ส์ เป็นเท็จต่อเจ้าหน้าที่ โดยจะมีความผิดทางอาญา ซึ่งมีจำนวน 9 คน โดยเป็นคนไทย 2 คนและต่างชาติ 7 คน ซึ่งได้พักใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศของบริษัทเป็นระยะเวลา 30 วัน นับจากวันพรุ่งนี้ ซึ่งหากไม่แก้ไขให้สมบูรณ์ตามกำหนดอาจมีการขยายเวลาหรือเพิกถอนใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศในที่สุด
       

ส่วนเส้นทางต่างประเทศนั้น นายชัยศักดิ์ กล่าวว่า ยังคงอนุญาตให้ทำการบินได้ตามปกติ เนื่องจากสายการบิน วัน-ทู-โก ให้นักบินต่างชาติมาทำการบินเส้นทางในประเทศ ซึ่งเกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์เครื่องบินไถลออกนอกรันเวย์ที่ จ.ภูเก็ต อีก เพราะนักบินต่างชาติอาจไม่ชำนาญภูมิศาสตร์ และการสื่อสารด้านการบินของไทย
       

ปัจจุบันสายการบินวัน ทู โก ให้บริการในหลายเส้นทาง เช่น เชียงใหม่, เชียงราย, ภูเก็ต, สุราษฎร์ธานี, หาดใหญ่, นครศรีธรรมราช, นครพนม และ ฮ่องกง